บทที่ 1 การเขียนโปรแกรมแบบ Visual Programming

บทที่ 1 
การเขียนโปรแกรมแบบ Visual Programming

การเขียนโปรแกรม


ภาษาวิชวลเบสิก (Visual Basic language)

           วิชวลเบสิก (Visual Basic) หรือ VB เป็นโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง ซึ่งใช้สําหรับสร้างหรือ พัฒนาโปรแกรมใช้งานบนวินโดวส์มีความสามารถในการทํางานที่คล้ายกับภาษาคอมพิวเตอร์อื่นๆ เช่น C, Pascal , C++, C# สร้างโดยบริษัทไมโครซอฟท์ภาษานี้เป็นหนึ่งในภาษาโปรแกรมยอดนิยมสําหรับโปรแกรม ที่ใช้ในด้านธุรกิจ ซึ่งเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง ใช้งานง่าย เหมาะสําหรับผู้เริ่มต้น เพราะใช้คําใน ภาษาอังกฤษที่เข้าใจง่าย และเมื่อเป็น Visual Basic ซึ่งใช้ลักษณะของการมองเห็นได้ (Visual) ที่เป็นการ ติดต่อกับผู้ใช้ด้วยกราฟิก หรือรูปภาพ (Graphical User Interface -GUI) จึงทําให้การพัฒนาโปรแกรมใช้งาน ได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ถึงแม้จะใช้งานง่าย แต่ก็มีความสามารถสูง เหมาะสําหรับการพัฒนาโปรแกรมใช้งาน ได้หลายด้าน เช่น งานคํานวณทั่วไป งานด้านฐานข้อมูล เกม ฯลฯ และยังได้พัฒนาต่อเป็นภาษา VB.NET อีก ด้วย

       ความหมายของ .NET (ดอทเน็ต) เป็นกลุ่มของเทคโนโลยีทางซอฟต์แวร์ที่เชื่องโยงข้อมูล ข่าวสาร คน ระบบและอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน ด้านการเขียนโปรแกรมดอทเน็ต หมายถึง .NET Framework คือ สภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการพัฒนา และรันโปรแกรมในรูปแบบของ .NET โดยที่ Framework จะทําหน้าที่ ควบคุมการรันโปรแกรม และให้บริการทรัพยากรต่างๆ แก่โปรแกรมที่รัน เช่น การโหลดโปรแกรมขึ้นมา ทํางาน การจัดการหน่วยความจํา การจัดเตรียมไลบรารีให้โปรแกรมเรียกใช้งาน โดยอีกความหมายของ NET Technology และ .NET Framework คือ รูปแบบการพัฒนาโปรแกรมแบบใหม่ ที่ไมโครซอพท์ได้พัฒนา ออกมา โดยมีจุดประสงค์สําคัญ คือ สามารถใช้งานในสภาวะของฮาร์ดแวร์หรือระบบปฏิบัติการ ที่แตกต่างกัน ได้อย่างไม่มีปัญหา (เช่น เครื่องพีซีกับเครื่องแมคหรือระบบปฏิบัติการวินโดว์กับลีนุกซ์) และสามารถพัฒนา โปรแกรมใหม่ๆ ได้ด้วยภาษาอะไรก็ได้ให้สามารถทํางานร่วมกันได้ (เช่น ภาษา C กับ Java เป็นต้น) รวมถึง เป็นเครื่องมือในการพัฒนาโปรแกรมให้สามารถเชื่อมต่อกับโปรแกรมต่างๆ ของไมโครซอพท์ได้โดยง่าย ซึ่งก็ รวมไปถึงการทํางานภายในของระบบปฏิบัติการวินโดว์เองด้วย ผู้พัฒนาจึงสามารถพัฒนาโปรแกรมใหม่ๆ ได้ โดยง่าย และรวดเร็ว ไม่ติดข้อจํากัดต่างๆ อย่างเช่นการพัฒนาโปรแกรมในสมัยก่อนอีกต่อไป

.NET Framework เป็นแพลตฟอร์มสําหรับพัฒนาซอฟต์แวร์ที่รองรับภาษาดอตเน็ตมากกว่า 40 ภาษา ซึ่งมี Library เป็นจํานวนมากสําหรับการเขียนโปรแกรม รวมถึงบริหารการดําเนินการของโปรแกรมบน SWE-102 Software Construction 1 หน้า 2 .NET Framework โดย Library นั้นได้รวมถึงส่วนต่อประสานกับผู้ใช้การเชื่อมต่อฐานข้อมูล วิทยาการ เข้ารหัสลับ อัลกอริทึม การเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน โดย .NET Framework มีส่วนประกอบ ภายในแบ่งออกเป็น 3 ชั้นใหญ่ๆ คือ

          1. Programming Language : เป็นรูปแบบของภาษาที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถทํางานในสภาวะที่ เป็น .NET ได้โดยที่ทาง Microsoft ได้เปิดตัว ภาษาหลักๆ ที่จะใช้ในการพัฒนาบน .NET นี้ 3 ภาษา C# เป็นภาษาใหม่ที่ Microsoft พัฒนามาจาก C++ กับ JAVA เป็นหลัก VB.NET เป็นภาษาที่พัฒนามาจาก Visual Basic ในเวอร์ชั่น 6.0 JScript.net เป็นภาษาที่พัฒนามาจาก JScript ซึ่งเป็น JavaScript ในเวอร์ชั่น ของ Microsoft  

          2. Base Classes Library : Library นั้นเปรียบเสมือนชุดคําสั่งสําเร็จรูปย่อยๆ ที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งส่วน ใหญ่จะเป็นชุดคําสั่งที่ต้องใช้งานอยู่เป็นประจํา ดังนั้นจึงมีผู้คิดค้นเครื่องอํานวยความสะดวกในการเขียน โปรแกรม ซึ่ง Library ในภาษาต่างๆ ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบไฟล์ incould แต่ถ้าเป็น ASP สิ่งที่เป็น library ก็คือ component ต่างๆนั่นเอง ซึ่งภายในระบบ .NET จะสร้างสิ่งที่เรียกว่าเป็น Library พื้นฐานขึ้น ทําให้ไม่ ว่าจะใช้ภาษาใดในการพัฒนาโปรแกรม ก็สามารถที่จะเรียกใช้ Library ที่เป็นตัวเดียวกันได้หมด

          3. Common Language Runtime (CLR) : นับเป็นสิ่งสําคัญแทบจะที่สุดของระบบ .NET นี้ก็ว่าได้ เพราะ CLR ที่ว่านี้มีหน้าที่ทําให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นมาด้วยภาษาต่างๆ กัน กลายเป็นภาษารูปแบบมาตรฐาน เดียวกันทั้งหมด เราเรียกภาษาที่ว่านี้ว่า Intermediate language (IL) ซึ่งเมื่อต้องการที่จะรันโปรแกรมใด CLR ที่ว่านี้จะตรวจสอบเครื่องที่รันว่ามีสภาวะแวดล้อมการทํางานเช่นใด หลังจากนั้นก็จะคอมไพล์เป็น โปรแกรมที่เหมาะสมต่อการทํางานของเครื่องนั้น ทําให้เราสามารถใช้งานโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างมี ประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละเครื่อง








ความคิดเห็น