การเขียนโปรแกรมแบบ Event Driven Programming


การเขียนโปรแกรมแบบ Event Driven Programming

           ในยุคปัจจุบันการพัฒนาแอพพลิเคชั่นไม่ว่าจะให้ทํางานบน Windows, อินเตอร์เน็ต, โทรศัพท์มือถือ ต่างต้องใช้แนวคิดการเขียนโปรแกรมที่เรียกว่า Visual Programming ในการเขียนโปรแกรมเพื่อสร้างแอพพลิเคชั่นเพื่อทํางานบน Windows นั้นจะมีวิธีคิดในการเขียน โปรแกรมที่แตกต่างจากการเขียนโปรแกรมเบื้องต้นที่เคยคุ้นเคยแบบ ภาษา C หรือ Pascal นั้น เราจะต้อง มองขั้นตอนการทํางานให้ชัดเจนเป็นลําดับขั้นตอน แล้วค่อยเขียนโปรแกรมให้ครอบคลุมการทํางานเหล่านั้นให้ หมด ซึ่งถือว่าใช้ได้ดีกับโปรแกรมขนาดเล็ก ไม่ซับซ้อน ซึ่งเราเรียกการเขียนโปรแกรมแบบนี้ว่า Structure Programming  

นี้คือ ตัวอย่างโปรแกรมแบบ Structure Programming

'Program Changing Money
Print "How much Money ?";
Input n
if n >= 1000 then
   Thousand = Int(n/1000)
   Remain = n - thousand*1000
Else
if Remain >= 500 then
   Fivehundred = Int(Remain/500)
   Remain = Remain - Fivehundred*500
End if

          แต่ถ้าโปรแกรมมีขนาดใหญ่ขึ้น ซับซ้อนขึ้น เช่น โปรแกรม Microsoft Word โปรแกรมดูหนัง ฟัง เพลงต่างๆ หรือเป็นระบบงานที่มีความหลากหลาย เช่น โปรแกรมระบบบัญชีหากใช้วิธีคิดแบบ Structure Programming แล้วจะทําให้การเขียนโปรแกรมยุ่งยาก แก้ไขได้ยาก ดังนั้นถ้าการเขียนโปรแกรมเป็นการเขียน บน Windows แล้ว การเขียนโปรแกรมแบบ Event Driven Programming จึงเหมาะสมที่สุดสําหรับการ เขียนโปรแกรมบน Windows 

          การเขียนโปรแกรมแบบ Event Driven Programming เป็นการเขียนโปรแกรมเพื่อให้ตอบสนองต่อ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับส่วนต่างๆ ของ User Interface เช่น ถ้าผู้ใช้งานต้องการคลิกปุ่ม “ทักทาย” ก็จะเกิด เหตุการณ์คือ มีการแสดงข้อความทักทายขึ้นมา

ดังตัวอย่าง


การเขียนโปรแกรม

การเขียนโปรแกรม

การเขียนโปรแกรมแบบ Event Driven Programming นั้นจะเกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรมเชิง วัตถุ (Object-Oriented Programming) ซึ่งเป็นการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาในยุคที่ 4 Object-Oriented Programming (OOP) เป็นวิธีในการพัฒนาและจัดระเบียบการเขียนโปรแกรมที่ มองทุกองค์ประกอบเป็น Object โดยที่ทุก Object จะประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ 

1. Property (Object Data) หรือคุณสมบัติซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ในการเก็บข้อมูลต่างๆ ของ Object เช่น รถยนต์มี attribute คือ ยี่ห้อรถยนต์ชื่นรุ่น สีเป็นต้น 

2. Method (Object behavior) หรือการทํางาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ Object นั้นสามารถทําได้เช่น รถ สามารถ เพิ่มความเร็ว ชะลอความเร็ว หรือหยุดรถ และเปลี่ยนเกียร์ได้เป็นต้น


ความคิดเห็น